30.5.54

สาวหมวกแดง กับการแปลงตำนานเป็นเรื่องรักสามเส้า

www.siamhat.com สรรหามาฝาก
สาวหมวกแดง กับการแปลงตำนานเป็นเรื่องรักสามเส้า

Red Riding Hood สาวหมวกแดง ที่ได้ผู้กำกับจาก ทไวไลท์ มาถ่ายทอดเรื่องราวในตำนานที่แปลกตาไป นำแสดงโดยนักแสดงสาว “อแมนด้า ไซเฟร็ด” ที่เคยเป็นที่ฮือฮากันมาแล้วจาก Chloe ที่เล่นประกบคู่กับ จูลี่ แอนน์มัวร์ กับบทเลิฟซีนสุดร้อนที่เป็นกระแสเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นปีทองของเธอก็ว่าได้เพราะเธอมีภาพยนตร์รักโรแมนติกอีก 2 เรื่องมาให้เราได้ชมกัน ทั้ง Dear John และ Letters to Juliet ซึ่งก็พอทำให้เราได้เห็นความสามารถทางการแสดงของเธอได้ในระดับนึง
และสำหรับเรื่อง Red Riding Hood นี้ คงไม่มีสิ่งใดที่น่าจับตาเท่านักแสดงที่กล่าวมา ความน่าสนใจของเรื่อง สาวหมวกแดง นี้จุดเด่นคงเป็นพล็อตเรื่องที่ปรุงแต่งให้แตกต่างไปจากต้นฉบับที่เป็นนิยายที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยได้ยิน ได้อ่าน มาตั้งแต่เด็ก และกลายเป็นจุดดึงดูดให้คนดูอยากรู้ว่าเรื่องราวจะแปลกแตกต่างจากต้นฉบับเดิมอย่างไร

ในภาพยนตร์เรื่อง Red Riding Hood ไซเฟร็ด รับบทแสดงเป็น วาเลรี่ หญิงสาวที่โตมาพร้อมกันกับ ปีเตอร์ (ชิโลห์ เฟอร์นันเดซ) จนก่อเกิดความความรักเมื่อเป็นหนุ่มสาว แต่ทว่าครอบครัวของเธออยากให้ วาเลรี่ ลงเอยกับ เฮนรี่ (แมกซ์ ไอรอนส์) ที่มีฐานะมั่นคงกว่า เอาล่ะสิงานเข้าสาว วาเลรี่ ของเราซะแล้ว แต่สาวเจ้าก็ไม่ไขว้เขว รักแล้วรักเลย ใครว่าผู้หญิงสองใจ เธอเลยวางแผนว่าจะหนีไปพร้อมกับหนุ่มปีเตอร์ แต่ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มนุษย์หมาป่า เริ่มออกอาละวาดอีกครั้งหลังจากห่างหายมานานหลายปี พี่สาวของวาเลรี่ถูกฆ่า ความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้น ผู้ชายในหมู่บ้านจึงวางแผนที่จะตามล่าเจ้ามนุษย์หมาป่าที่ให้จงได้ เพื่อความสงบสุขของคนในหมู่บ้านแห่งนี้
นอกจากวางแผนตามล่ากันเองแล้ว บาทหลวงในหมู่บ้านยังได้เชิญ คุณพ่อโซโลมอน (แกรี่ โอลด์แมน) มาช่วยล่ามนุษย์หมาป่าอีกด้วย ซึ่งการมาถึงของโซโลมอนทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต่างหวาดระแวงกันและกัน เพราะเขาเตือนว่า มนุษย์หมาป่าที่คร่าชีวิตผู้คน แอบแฝงเป็นคนในหมู่บ้านแห่งนี้นั่นเอง พร้อมกับให้ระมัดระวังตัวอย่าให้ถูกกัด เพราะเมื่อโดนกัดเมื่อไหร่ คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นมนุษย์หมาป่าไปในทันที
ในส่วนของการนำเสนอเรื่องราวเป็นไปอย่างเนิบช้า อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นเรื่องคือ ขับเน้นในเรื่องการแสดงของ ไซเฟร็ด อย่างข้นเข้ม แต่ทว่าการแสดงที่ดูตั้งใจแสดงในบางครั้งมันก็ทำให้ดูหลอกตาไปอย่างน่าประหลาด แต่ก็ไม่ได้ดูขัดตามากมายนัก เพราะคงต้องบอกว่านอกจากการแสดงของเธอแล้ว มุมภาพ การถ่ายภาพ ดูสวย ประหนึ่งฉากโรแมนซ์ใน แวมไพร์ ทไวไลท์ แต่ในส่วนของเรื่องราวคงต้องบอกว่าจืดสนิทตามโทนสีของภาพ ถึงแม้ว่าในบางคราวผู้กำกับได้แทรกความตลกไว้บ้าง โดยนำเรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดงขึ้นมากล่าวอ้างถึง ซึ่งถ้าไม่มีในส่วนนี้ก็คงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดง แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับการเอาใจช่วยให้ตัวละคร วาเลรี่ พบผลลัพธ์ที่ต้องการ และก็ไม่ได้มีสิ่งใดที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องราวหนูน้อยหมวกแดงเลย นอกจากชุฮู้ดสีแดงที่ วาเลรี่ สวมใส่ ซึ่ง “ย่า” เป็นผู้ตัดเย็บให้เพื่อให้ใส่ในวันแต่งงาน
มีการติดเงื่อนปมไว้ในส่วนที่อยากให้คนดูมีส่วนร่วมในการค้นหาคำตอบว่า ใครคือมนุษย์หมาป่าตนนั้น โดยแทรกเรื่องราวของศาลเตี้ยให้คนดูเห็นด้วย ประหนึ่งอยู่ในยุคสมัยของการล่าแม่มด ที่สงสัยใครก็ตัดสินใจคนคนนั้นเป็นคนผิด หรือเป็นแม่มดไปเสีย ซึ่งในเรื่องตัว วาเลรี่ เองก็ถูกสงสัยเช่นกันว่าเธอเป็นแม่มด และกลายเป็นเหยื่อเพื่อล่อหลอกให้มนุษย์หมาป่ามาติดกับ นอกจากนี้ยังนำเสนอในส่วนของการไว้วางใจคนใกล้ตัวว่าไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหน การเอาตัวรอด หรือเพื่อให้คนที่รักรอด การหักหลังเพื่อนรักหรือเพื่อนสนิทก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน
โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดูน่าผิดหวัง ดูจบแล้วไม่มีเรื่องราวที่อยากจะบอกต่อ ๆ กัน นอกจากตัวนักแสดง ไซเฟร็ด และภาพสวย ให้คะแนนความพยายามแปลงสาส์น “หนูน้อยหมวกแดง” 5 เต็ม 10
ที่มา:ซายากะ โฮมดอยล์ บล็อก
ถ้าชอบหมวกสานก็ www.siamhat.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น