30.5.54

สาวหมวกแดง กับการแปลงตำนานเป็นเรื่องรักสามเส้า

www.siamhat.com สรรหามาฝาก
สาวหมวกแดง กับการแปลงตำนานเป็นเรื่องรักสามเส้า

Red Riding Hood สาวหมวกแดง ที่ได้ผู้กำกับจาก ทไวไลท์ มาถ่ายทอดเรื่องราวในตำนานที่แปลกตาไป นำแสดงโดยนักแสดงสาว “อแมนด้า ไซเฟร็ด” ที่เคยเป็นที่ฮือฮากันมาแล้วจาก Chloe ที่เล่นประกบคู่กับ จูลี่ แอนน์มัวร์ กับบทเลิฟซีนสุดร้อนที่เป็นกระแสเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นปีทองของเธอก็ว่าได้เพราะเธอมีภาพยนตร์รักโรแมนติกอีก 2 เรื่องมาให้เราได้ชมกัน ทั้ง Dear John และ Letters to Juliet ซึ่งก็พอทำให้เราได้เห็นความสามารถทางการแสดงของเธอได้ในระดับนึง
และสำหรับเรื่อง Red Riding Hood นี้ คงไม่มีสิ่งใดที่น่าจับตาเท่านักแสดงที่กล่าวมา ความน่าสนใจของเรื่อง สาวหมวกแดง นี้จุดเด่นคงเป็นพล็อตเรื่องที่ปรุงแต่งให้แตกต่างไปจากต้นฉบับที่เป็นนิยายที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยได้ยิน ได้อ่าน มาตั้งแต่เด็ก และกลายเป็นจุดดึงดูดให้คนดูอยากรู้ว่าเรื่องราวจะแปลกแตกต่างจากต้นฉบับเดิมอย่างไร

ในภาพยนตร์เรื่อง Red Riding Hood ไซเฟร็ด รับบทแสดงเป็น วาเลรี่ หญิงสาวที่โตมาพร้อมกันกับ ปีเตอร์ (ชิโลห์ เฟอร์นันเดซ) จนก่อเกิดความความรักเมื่อเป็นหนุ่มสาว แต่ทว่าครอบครัวของเธออยากให้ วาเลรี่ ลงเอยกับ เฮนรี่ (แมกซ์ ไอรอนส์) ที่มีฐานะมั่นคงกว่า เอาล่ะสิงานเข้าสาว วาเลรี่ ของเราซะแล้ว แต่สาวเจ้าก็ไม่ไขว้เขว รักแล้วรักเลย ใครว่าผู้หญิงสองใจ เธอเลยวางแผนว่าจะหนีไปพร้อมกับหนุ่มปีเตอร์ แต่ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มนุษย์หมาป่า เริ่มออกอาละวาดอีกครั้งหลังจากห่างหายมานานหลายปี พี่สาวของวาเลรี่ถูกฆ่า ความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้น ผู้ชายในหมู่บ้านจึงวางแผนที่จะตามล่าเจ้ามนุษย์หมาป่าที่ให้จงได้ เพื่อความสงบสุขของคนในหมู่บ้านแห่งนี้
นอกจากวางแผนตามล่ากันเองแล้ว บาทหลวงในหมู่บ้านยังได้เชิญ คุณพ่อโซโลมอน (แกรี่ โอลด์แมน) มาช่วยล่ามนุษย์หมาป่าอีกด้วย ซึ่งการมาถึงของโซโลมอนทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต่างหวาดระแวงกันและกัน เพราะเขาเตือนว่า มนุษย์หมาป่าที่คร่าชีวิตผู้คน แอบแฝงเป็นคนในหมู่บ้านแห่งนี้นั่นเอง พร้อมกับให้ระมัดระวังตัวอย่าให้ถูกกัด เพราะเมื่อโดนกัดเมื่อไหร่ คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นมนุษย์หมาป่าไปในทันที
ในส่วนของการนำเสนอเรื่องราวเป็นไปอย่างเนิบช้า อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นเรื่องคือ ขับเน้นในเรื่องการแสดงของ ไซเฟร็ด อย่างข้นเข้ม แต่ทว่าการแสดงที่ดูตั้งใจแสดงในบางครั้งมันก็ทำให้ดูหลอกตาไปอย่างน่าประหลาด แต่ก็ไม่ได้ดูขัดตามากมายนัก เพราะคงต้องบอกว่านอกจากการแสดงของเธอแล้ว มุมภาพ การถ่ายภาพ ดูสวย ประหนึ่งฉากโรแมนซ์ใน แวมไพร์ ทไวไลท์ แต่ในส่วนของเรื่องราวคงต้องบอกว่าจืดสนิทตามโทนสีของภาพ ถึงแม้ว่าในบางคราวผู้กำกับได้แทรกความตลกไว้บ้าง โดยนำเรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดงขึ้นมากล่าวอ้างถึง ซึ่งถ้าไม่มีในส่วนนี้ก็คงไม่รู้ว่าเป็นเรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดง แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับการเอาใจช่วยให้ตัวละคร วาเลรี่ พบผลลัพธ์ที่ต้องการ และก็ไม่ได้มีสิ่งใดที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องราวหนูน้อยหมวกแดงเลย นอกจากชุฮู้ดสีแดงที่ วาเลรี่ สวมใส่ ซึ่ง “ย่า” เป็นผู้ตัดเย็บให้เพื่อให้ใส่ในวันแต่งงาน
มีการติดเงื่อนปมไว้ในส่วนที่อยากให้คนดูมีส่วนร่วมในการค้นหาคำตอบว่า ใครคือมนุษย์หมาป่าตนนั้น โดยแทรกเรื่องราวของศาลเตี้ยให้คนดูเห็นด้วย ประหนึ่งอยู่ในยุคสมัยของการล่าแม่มด ที่สงสัยใครก็ตัดสินใจคนคนนั้นเป็นคนผิด หรือเป็นแม่มดไปเสีย ซึ่งในเรื่องตัว วาเลรี่ เองก็ถูกสงสัยเช่นกันว่าเธอเป็นแม่มด และกลายเป็นเหยื่อเพื่อล่อหลอกให้มนุษย์หมาป่ามาติดกับ นอกจากนี้ยังนำเสนอในส่วนของการไว้วางใจคนใกล้ตัวว่าไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหน การเอาตัวรอด หรือเพื่อให้คนที่รักรอด การหักหลังเพื่อนรักหรือเพื่อนสนิทก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน
โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดูน่าผิดหวัง ดูจบแล้วไม่มีเรื่องราวที่อยากจะบอกต่อ ๆ กัน นอกจากตัวนักแสดง ไซเฟร็ด และภาพสวย ให้คะแนนความพยายามแปลงสาส์น “หนูน้อยหมวกแดง” 5 เต็ม 10
ที่มา:ซายากะ โฮมดอยล์ บล็อก
ถ้าชอบหมวกสานก็ www.siamhat.com

การใส่หมวกให้ต้นยาง

ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวกเราสรรหามาฝาก www.siamhat.com
การใส่หมวกให้ต้นยาง

หมวกกันฝนต้นยางพารา คิดค้นโดยนายสำเริง แสวงพรหมมณี เกษตรกรสวนยางพารา หมวกกันฝนต้นยางพารานี้ ทำให้เกษตรกรสามารถกรีดยางในช่วงหน้าฝนได้ ทำให้ได้ผลต่อปีเพิ่มขึ้นถึง 100 เปอร์เซ็นต์
คือ สามารถกรีดยางจาก 5 เดือน เพิ่มขึ้นเป็น 10 เดือน
อุปกรณ์ที่ใช้ คือ
1.
หมวกกันฝน
2.
มีดถากเปลือกไม้
3.
ที่เย็บกระดาษ
4.
ลวดเย็บกระดาษ ขนาด 3 x 8 mm
5.
กาว Magic Glue ตราเพชร
6.
แถบพลาสติกขนาด 1.5 นิ้ว
ขั้นตอนการประกอบหมวกกันฝน
1.
ทำความสะอาดลำต้นที่จะติดหมวก นำหมวกส่วนที่ 1 (หมวกถ้วย) ประกบเข้ากับต้นยาง ตรงถ้วยยางให้สูงเหนือรอยกรีดใหม่ประมาณ 5 นิ้ว ใช้เครื่องเย็บกระดาษกดลงตรงระหว่างกึ่งกลางก่อน แล้วจึงติดด้านซ้ายและขวา
2.
นำหมวกส่วนที่ 2 (หมวกปีก) ประกบติดกับต้นยาง โดยให้คลุมรอบบริเวณรอยกรีด ส่วนปลายด้านขวาให้คาดคร่อมเหนือหมวกส่วนที่ 1 (แล้วแต่ขนาดของต้นยาง) ใช้เครื่องเย็บกระดาษกดลงปลายด้านขวาก่อน ดึงปลายด้านซ้ายให้ครอบลำต้นเพื่อให้ขอบของหมวกแนบเข้ากับลำต้น แล้วจึงใช้เครื่องเย็บกระดาษกดลงอีก 3 จุด โดยเฉลี่ยให้เท่าๆ กัน (อย่ารัดแน่น)
3.
ใช้มีดขูดเปลือกเหนือขอบหมวกโดยรอบจากซ้ายมาขวา ไม่ต้องลึกแค่ผิวเรียบก็พอ
4.
ทิ้งให้เหงื่อหน้ารอยขูดแห้ง ใช้ไม้พันกาว Magic Glue
5.
นำกาวติดเข้ากับมุมด้านขวา ดึงกาวให้พันรอบลำต้นตามรอยขูดมาสุดที่ด้านซ้าย
6.
นำแถบพลาสติกขนาด 1.5 นิ้ว ติดลงตามรอยกาว โดยให้ส่วนบนของแถบพลาสติกคลุมอยู่เหนือขอบหมวกกันฝน หลังจากติดเรียบร้อยแล้วใช้นิ้วกดบนแถบพลาสติกที่ติดกาวอยู่ เพื่อให้กาวติดสนิทกับลำต้น สามารถกันฝนซึมรั่ว 100 เปอร์เซ็นต์
หลังติดหมวกเรียบร้อยแล้ว สามารถกรีดยางได้ทันที แม้จะเกิดฝนตกหน้ายางใต้หมวกกันฝนจะไม่เปียกน้ำ ในถ้วยไม่มีน้ำปน ทำให้กรีดยางได้ตลอดหน้า

ภาพการสวมหมวกให้ต้นยาง ทำง่ายๆ ตามภาพ หมวกที่ใช้เพื่อกันน้ำฝนไม่ให้ผสมกับน้ำยางครับเวลากรีดหน้าฝน
การใสหมวกให้กับต้นยางพาราต้องระวังในเรื่องของหน้ายางพาราเป็นโรคด้วยนะครับเพราะแสงแดดส่องไม่ถึงหน้ายางพาราทำให้หน้ายางพาราชื้นเป็นโรคได้งาย
ถ้าชอบหมวกสานก็ www.siamhat.com
ที่มา:เว็บบอร์ดเกษตรแผ่นดินทอง

หนูน้อย (ทำไมถึง) หมวกแดง...

ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวกเราสรรหามาฝาก www.siamhat.com

หนูน้อย ทำไมถึง สวมหมวกสีแดง?หรือในอีกแง่หนึ่งคือ  สีแดงหมายถึงอะไร?

หลายคนตอบถูกแล้วค่ะว่า...ในความหมายหนึ่ง...ผู้รีเมกหนูน้อยหมวกแดงตีความว่ามันคือ "เลือด"
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดแจ๋วแหว๋วก็นิทานภาพ 3 หน้าของคุณฮาเสะงาวะนั่นไง...หนูน้อยน่ารักแทงหมาป่าเลือดของหมาป่าย้อมหมวกที่สวมอยู่จนกลายเป็น "หนูน้อยหมวกแดง"
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือ  "หนูน้อยหมวกแดง"  เวอร์ชั่น คุณยูกิ คาโอริ จากเรื่อง  Ludwig Revolution

เรื่อง  Ludwig Revolution  จริงๆ แล้วเกี่ยวกับ เจ้าชายลุดวิก หรือ เจ้าชายหลุยส์ผู้ต้องเดินทางจากอาณาจักรตามหาเจ้าหญิง/ผู้หญิงเพื่อมาเป็นเจ้าสาว  ระหว่างทางได้พบกับเจ้าหญิงจากหลายเมืองไม่ว่าจะเป็น เจ้าหญิงผู้งามเลิศในปฐพี  เจ้าหญิงผู้หลับใหล  สาวน้อยขี้เถ้า  สาวน้อยผมยาวบนหอคอย ฯลฯ รวมถึงได้พบกับ  "หนูน้อยหมวกแดง"  หรือ "รีเซตเต้"
อันที่จริง รีเซตเต้เป็นเพื่อนสมัยของวิลเฮล์ม คนรับใช้เจ้าชายหลุยส์  ทั้งสามคนรู้จักกันตั้งแต่เด็ก  ตามความทรงจำของวิล รีเซตเต้เป็นหนูน้อยแก่นกล้าที่สวมแต่หมวกสีเทา แต่แล้ววันหนึ่ง ด้วยความเข้าใจผิดว่าตัวเองถูกทรยศเพื่อแลกกับเงินทำให้รีเซตเต้ระเบิดอารมณ์ลงมือสังหารครอบครัวตนเองเลือดนั้นได้ย้อมหมวกสีเทาของเธอจนกลายเป็นสีแดง  
 รีเซตเต้ถูกจับกุมและขายเป็นทาส เมื่อเธอหนีออกมาได้จึงประกอบอาชีพเป็นมือสังหารที่ผู้คนรู้จักกันในนาม   "หมวกแดง"
และภารกิจหนึ่งของเธอคือการสังหารเจ้าชายหลุยส์ ศัตรูคู่อาฆาตสมัยเด็กนั่นเอง

นอกจาก "เลือด" แล้ว จากคอมเมนต์ยังเห็นมีผู้ทาย (ฝ้าย) ว่า สีแดง หมายถึง "โสเภณี" ด้วย ความหมายนั้นก็เป็นความหมายหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ตีความหนูน้อยหมวกแดงเช่นกัน... เนื่องจาก หมวกสีแดงคือ สัญลักษณ์ของโสเภณีของฝรั่งเศสในสมัยศตวรรษที่ 17
องค์การกุศลของโคลัมเบียจึงถือหนูน้อยหมวกแดงเป็นสัญลักษณ์ของโสเภณีเด็ก
และใช้นิทานเรื่องนี้รณรงค์คุ้มครองและหยุดการซื้อขายเด็กหญิงเพื่อทำงานในธุรกิจบริการทางเพศ

อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะมีผู้คิดว่า...
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้มันคือการตีความจาก "สีแดง" แล้วเอาไปใช้รีเมกเอาเองไม่กี่เรื่องนี่นา
แถมหนูน้อยหมวกแดงในนิทานออริจินอลสวมหมวกแดงตั้งแต่แรกแล้ว
แถมแม่กับยายไม่ได้เป็นแม่เล้าอีก จะไปฆ่าใครหรือทำงานธุรกิจกลางคืนได้ยังไงกัน??จริงอยู่ว่าที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดคือ ความหมายของสีแดงที่ผู้รีเมกตีความและดัดแปลงเนื้อเรื่องหนูน้อยหมวกแดงไปตามใจฉัน แต่จากการตีความ "สัญลักษณ์" ในนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงอย่างเป็นทางการความหมายของหมวกสีแดงก็ไปในทำนองนี้เหมือนกัน จากผลงานทางวิชาการด้านวรรณคดีเปรียบเทียบของ Erich Fromm ในหนังสือเรื่อง
"The Forgotten Language: An Introduction to the Understanding of Dreams, Fairy Tales and Myths"
กล่าวว่า...สีแดงของหมวกของหนูน้อยหมวกแดงนั้น  หมายถึง "เลือด"หรือเจาะจงลงไปให้ชัด คือ  "ประจำเดือน"
คุณอีริคได้กล่าวว่า นิทานที่ผู้ใหญ่เล่าหรืออ่านให้เด็กสมัยไหนฟังก็ล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายแอบแฝงคือไว้สอนเด็กเหมือนนิทานอีสปทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นหมูสามตัวที่สอนให้เด็กขยันไม่สักแต่ว่าทำ  ซินเดอเรลล่าที่แอบสอนให้เด็กรู้จักอดทนและขัดเกลาจิตใจให้ดีงาม ฯลฯ  เรื่องหนูน้อยหมวกแดงก็เช่นเดียวกัน  เรื่องนี้มีนัยแอบแฝงสอนเด็กหญิงวัยรุ่นแรกแย้มที่เพิ่งรู้จักโลกว่า...
 ให้ฟังคำที่แม่พูด  เดินตามทาง (จารีตประเพณี) ที่ผู้ใหญ่ว่าไว้ อย่าริออกนอกลู่นอกทาง
ที่สำคัญอย่าหลงคารมผู้ชายเจ้าเล่ห์ร้อยเหลี่ยมที่คอยซุ่มไล่งาบราวกับหมาป่า   ไม่เช่นนั้นอาจจะพบจุดจบคือถูก "งาบ" ทั้งตัวได้...
 ด้วยเหตุนี้ "สีแดง" ของหมวกที่หนูน้อยสวม
จึงเป็นสัญลักษณ์แทนประจำเดือนของผู้หญิงที่เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า
เด็กน้อยคนหนึ่งได้เข้าสู่ "วัยสาว" แล้ว

 การตีความว่า หนูน้อยหมวกแดง คือ หญิงสาว
หมาป่า คือ ชายหนุ่มเจ้าชู้ร้อยเล่ห์กล
สีแดง คือ ประจำเดือน ความเร่าร้อน  ร้อนแรง แฝงนัยยะทางเพศนั้น
ถูกนำมาใช้มากในการรีเมกหนูน้อยหมวกแดงเวอร์ชั่นต่างๆ ในปัจจุบัน
 ไม่ว่าจะเป็นอนิเมชั่นของ Tex Avery เรื่อง "Red Hot Riding Hood" เกี่ยวกับนักร้องสาวสุดเซ็กซี่ในไนท์คลับนาม "เรด" และ ชายหนุ่มเจ้าชู้ไก่แจ้นาม "วูลฟ์"  ไม่ต้องเล่าเรื่องย่อก็น่าจะเดาได้ว่าจะฮ็อทสักขนาดไหนกัน 
 นิยายเรื่อง  "The Company of Wolves" ของ Angela Cartersเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าแปลงตัวเป็นพรานป่าหนุ่มหล่อมาดักพบหนูน้อยหมวกแดงเด็กน้อยที่เพิ่งเป็นสาว  เรื่องนี้ก็จบลงที่อร่อยสมอารมณ์หมายกันทั้งคู่ฯลฯอย่างไรก็ตาม การตีความเรื่องหนูน้อยหมวกแดง และ "สีแดง" จากหมวก (ที่บ่งบอกนิสัยหรือสภาพร่างกายของผู้สวม) ก็ไม่ได้มีแต่เพียงแค่นี้
 เราแค่ยกตัวอย่างที่เคยเห็น พอจัดกลุ่มได้  และอยากนำมาเล่าเป็นเกร็ดให้ฟังเท่านั้นใครสนใจเวอร์ชั่นอื่น การตีความแบบอื่นที่อาจถูกใจมากกว่าสามารถคลิกเข้าไปถามวิกิพีเดีย Little Red Riding Hood และ  Adaptions of Little Red Riding Hood ได้เช่นเดิมแต่ในเอ็นทรี่นี้  เราขอสรุปตามความเข้าใจ (และความต้องการเชื่อ) ของเราว่า
"สีแดงจากหมวกของหนูน้อยหมวกแดง หมายถึง เลือด และ ความเร่าร้อนที่แอบซ่อนอยู่ภายในหญิงสาวคนหนึ่ง"
ถ้าชอบหมวกสานก็ www.siamhat.com
ที่มา Hong exteen blog

ที่มาของหมวกเชฟ!?


ถ้าเป็นเรื่องหมวกเราสรรหามาฝาก www.siamhat.com

ที่มาของหมวกเชฟ!?


เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าทำไมหมวกเชฟ “Toque Blanche” ถึงมีรูปร่างอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน? เพื่อตอบคำถามเรื่องนี้ ขอย้อนกลับไปในสมัยจักรวรรดิโรมันและกรีก ซึ่งจะยกย่องหัวหน้ากุ๊ก ด้วยการมอบหมวกปักหมุด เมื่อกาลเวลาล่วงเลยมาถึงฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 17 กุ๊กจะมีหมวกประจำตำแหน่งสีสันต่างกัน เช่น เด็กฝึกงานจะได้ใส่แค่หมวกคลุมผมกลมๆ ธรรมดาเท่านั้น จนมาในศตวรรษที่ 18 Charles Maurice de Talleyrand ทูตชาวฝรั่งเศส สั่งให้พนักงานทุกคนใส่หมวกเพื่อให้สะอาดสะอ้าน เห็นรอยเปื้อนได้ถนัด และไม่ให้ผมของกุ๊กหล่นลงไปในอาหาร แต่ช่วงนี้หมวกเชฟก็ยังเป็นหมวกแบนๆ อยู่ แต่ที่ต้องพัฒนาจนสูงขึ้น ก็เพราะว่าห้องครัวเป็นที่ที่ร้อนมาก หมวกจึงต้องระบายอากาศได้ดี มาสูงเอาจริงๆ ก็ตอนที่เชฟ Antonin Careme จากเวียนนา ใส่ไม้กระดานให้หมวกตั้งตรงดูโก้หรู ภายหลังจึงเปลี่ยนจากไม้กระดานมาเป็นผ้าชุบในน้ำผสมแป้งมันเพื่อให้ผ้าแข็งตัว ดูเผินๆ เราอาจเห็นว่าหมวกเชฟตลกดี แต่อัศวินในสมัยก่อนถือว่าหมวกเป็นเกียรติยศที่ผู้สวมใส่ควรจะภูมิใจ ไม่ว่าจะตลกแค่ไหนก็ตามจ้ะ
ถ้าสนใจหมวกสานก็ www.siamhat.com
ที่มา:คอลัมน์ didyouknow? นิตยสาร Lisa
 

ทำไมหมวกพยาบาลจึงมีรูปร่างเช่นนั้น

ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวกเราสรรหามาฝาก www.siamhat.com

ทำไมหมวกพยาบาลจึงมีรูปร่างเช่นนั้น



ในสวีเดน หมวกขาวเป็นสัญลักษณ์ของคนที่เรียนจบระดับมัธยมปลายซึ่งคนสวีเดนถือเป็นขั้น ตอนสำคัญของชีวิต ว่าต่อไปจะเป็นผู้ใหญ่แล้วอาจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย หรือออกไปทำงานงานสวมหมวกขาวถือเป็นงานเอิกเกริกและสนุกสนานบางเมืองจัดเป็น งานใหญ่ มีคนมาร่วมชุมนุมเป็นหมื่นพวกคนแก่ ๆ ก็จะนำหมวกขาวใบเก่าจนสีซีดของตนมาสวมกันในวันนั้นด้วย

ที นี้มาว่ากันด้วยเรื่องหมวกพยาบาล

หมวกพยาบาลนั้นวิวัฒนาการ มาจากหมวกของแม่ชีในศาสนาคริสต์เพราะพยาบาลเริ่มต้นมาจากการที่ผู้ศรัทธาใน พระเจ้ารวมกลุ่มกันทำงานช่วยเหลือดูแลผู้ป่วย

ในสมัยของ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล (ค.ศ. 1820-1910) สตรีชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียงในด้านการรักษาพยาบาลแผนปัจจุบันหมวกเป็นส่วน หนึ่งของเครื่องแบบนักเรียนพยาบาลในโรงเรียนของเธอในราวปี ค.ศ. 1900 ชุดสีขาวเป็นเครื่องแบบที่กำหนดให้ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนพยาบาลสวม ใส่ ถือกันว่าสีขาวเป็นสีของผู้ที่สำเร็จการศึกษาแล้ว

"ซองคำถาม" ทราบมาว่าในประเทศไทย นักศึกษาพยาบาลในบางสถาบันเช่นวิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย จะมีพิธีรับหมวก (capping ceremony)โดยนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ผ่านการศึกษาสองเทอมแรกแล้วจะเข้าพิธีรับหมวกในเดือนเมษายนของทุกปีถือ เป็นพิธีที่นักศึกษาพยาบาลทุกคนให้ความสำคัญและตื่นเต้นมากที่จะได้สวมหมวก พยาบาลเพราะหมวกสีขาวนั้นเป็นเครื่องหมายว่าได้เข้าสู่การเป็นพยาบาลโดย สมบูรณ์"ตั้งแต่หัวจรดเท้า"และตระหนักรู้ว่าจะต้องมีความรับผิดชอบต่อ วิชาชีพและต้องเป็นนางพยาบาลที่ดีตามความคาดหวังของสังคม

ดังนั้น หมวกพยาบาลจึงเป็นหมวกอีกชนิดหนึ่งที่ใช้เป็นเพียงสัญลักษณ์ว่าผู้ที่ใส่ นั้นเป็นบุคคลซึ่งได้รับการศึกษาวิชาการพยาบาล และพร้อมที่จะให้การดูแลผู้ป่วย



เมื่อหมวกนั้นไม่ได้มีไว้ใส่ กันแดดกันฝน การที่มันจะมีรูปร่างแปลกออกไปบ้างหรือดูแล้วไม่น่าจะใช้ประโยชน์ได้จริง ก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่เราจะต้องตั้งข้อสงสัยอีกต่อไป

ส่วนแถบสีดำที่ อยู่บนหมวกพยาบาล พอจะใช้เป็นเครื่องสังเกตได้บ้างว่าเจ้าของหมวกนั้นจบการศึกษาระดับใด และเป็นหัวหน้าพยาบาลหรือไม่แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พยาบาลในบ้านเรามีต้นสังกัดแตกต่างกันมากมาย เช่นสังกัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลเอกชนซึ่งอาจจะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการติดแถบบนหมวกไม่เหมือนกัน ในที่นี้ "ซองคำถาม" จะอธิบายในภาพรวม

ผู้ที่จบการศึกษาพยาบาลมีสอง พวกพวกแรกคือพยาบาลระดับต้น (เรียนสองปี) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พยาบาลเทคนิค (TN)จะติดแถบขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรตลอดความกว้างของหมวก

ส่วน พยาบาลวิชาชีพ (RN -เรียนสี่ปี คุณวุฒิปริญญาตรี)จะติดแถบขนาดกว้างประมาณ 1.5 เซนติเมตรตลอดความกว้างของหมวกและถ้าเป็นหัวหน้าพยาบาลหรือหัวหน้าหอผู้ป่วย แถบจะกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย
ในบางโรงพยาบาลอาจให้ติดแถบกว้าง 1 เซนติเมตรสองแถบขนานกัน

มีข้อสังเกตว่าโรงพยาบาลทหารบางแห่ง เช่น โรงพยาบาลภูมิพลในสังกัดกองทัพอากาศแถบบนหมวกพยาบาลจะเป็นสีน้ำเงินแทนที่จะ เป็นสีดำ

ในโรงพยาบาลบางแห่งอีกเช่นกันอาจจะพบว่ามีพยาบาลที่ติดแถบ หมวกเฉียงที่มุมด้านขวานั่นคือตำแหน่งเจ้าหน้าที่พยาบาลหรืออาจเรียกได้ว่า ผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งปัจจุบันมีน้อยแล้วในบางแห่งอาจกำหนดให้ผู้ช่วยพยาบาลสวมเครื่องแบบ เสื้อปกคอบัว

ในโรงพยาบาลสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย เช่น ศิริราช รามาธิบดีหมวกพยาบาลจะเป็นสีขาวล้วนไม่ติดแถบใด ๆ ทั้งสิ้น

อย่างไร ก็ตาม ระเบียบปฏิบัติเหล่านี้อาจแตกต่างกันได้อย่างที่ "ซองคำถาม" ออกตัวไว้ในตอนต้น
ถ้าข้อมูลที่เล่ามานี้ไม่ตรงกับที่ท่านเคยรู้มาก่อน ก็ขออย่าได้ว่ากัน !

ขอขอบคุณคุณจรรยา บำรุงเมือง แห่งโรงพยาบาลเลิดสินที่ช่วยค้นข้อมูลเรื่องหมวกพยาบาลให้

ถ้าสนใจหมวกสาน ก็ www.siamhat.com

ที่มา : หนังสือ 108 ซองคำถาม

แพ้ก็แค่ถอดหมวก (จากวรรณกรรมสามก๊ก)

www.siamhat.com ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวกเราสรรหามาฝาก

แพ้ก็แค่ถอดหมวก (จากวรรณกรรมสามก๊ก)
เอี๋ยนหุยใฝ่ศึกษา มีคุณธรรมงดงาม เป็นศิษย์รักของขงจื้อ มีอยู่วันหนึ่ง เอี๋ยนหุยออกไปทำธุระที่ตลาด เห็นผู้คนจำนวนมากห้อมล้อมอยู่ที่หน้าร้านขายผ้า จึงเข้าไปสอบถามดู จึงรู้ว่าเกิดการพิพาทระหว่างคนขายผ้ากับลูกค้า
ได้ยินลุกค้าตะโกนเสียงดังโหวกเหวกว่า “3x8ได้ 23 ทำไมท่านถึงให้ข้าจ่าย24เหรียญล่ะ!เอี๋ยนหุยจึงเดินเข้าไปที่ร้าน หลังจากทำความเคารพแล้ว ก็กล่าวว่า พี่ชาย 3x8 ได้ 24 จะเป็น 23 ได้ยังไง? พี่ชายคิดผิดแล้ว ไม่ต้องทะเลาะกันหรอกคนซื้อผ้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ชี้หน้าเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า ใครให้เจ้าเข้ามายุ่ง! เจ้าอายุเท่าไหร่กัน! จะตัดสินก็มีเพียงท่านขงจื้อเท่านั้น ผิดหรือถูกมีท่านผู้เดียวที่ข้าจะยอมรับ ไป ไปหาท่านขงจื้อกัน เอี่ยนหุยกล่าวว่า ก็ดี หากท่านขงจื้อบอกว่าท่านผิด ท่านจะทำอย่างไร?”คนซื้อผ้ากล่าวว่าหากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมให้หัวหลุดจากบ่า! แล้วหากเจ้าผิดล่ะ?” เอี๋ยนหุยกล่าวว่าหากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมถูกปลดหมวก(ตำแหน่ง)ทั้งสองจึงเกิดการเดิมพันขึ้น
เมื่อขงจื้อสอบถามจนเกิดความกระจ่าง ก็ยิ้มให้กับเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า “3x8ได้ 23 ถูกต้องแล้วเอี๋ยนหุย เธอแพ้แล้ว ถอดหมวกของเธอให้พี่ชายท่านนี้เสียเอี๋ยนหุย ไม่โต้แย้ง ยอมรับในการวินิจฉัยของท่านอาจารย์ จึงถอดหมวกที่สวมให้แก่ชายคนนั้น ชายผู้นั้นเมื่อได้รับหมวกก็ยิ้มสมหวังกลับไป
ต่อคำวินิจฉัยของขงจื้อ ต่อหน้าแม้เอี๋ยนหุยจะยอมรับ แต่ในใจกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เอี๋ยนหุยคิดว่าท่านอาจารย์ชรามากแล้ว ความคิดคงเลอะเลือน จึงไม่อยากอยู่ศึกษากับขงจื้ออีกต่อไป
พอรุ่งขึ้น เอี๋ยนหุยจึงเข้าไปขอลาอาจารย์กลับบ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าที่บ้านเกิดเรื่องราว ต้องรีบกลับไปจัดการ ขงจื้อรู้ว่าเอี๋ยนหุยคิดอะไรอยู่ ก็ไม่ได้สอบถามมากความ อนุญาตให้เอี๋ยนหุยกลับบ้านได้ ก่อนที่เอี๋ยนหุยจะออกเดินทาง ได้เข้าไปกราบลาขงจื้อ ขงจื้อกล่าวอวยพรและให้รีบกลับมาหากเสร็จกิจธุระแล้ว พร้อมกันนั้นก็ได้กำชับว่าอย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้งเอี๋ยนหุยคำนับพร้อมกล่าวว่า ศิษย์จะจำใส่ใจแล้วลาอาจารย์ออกเดินทาง
เมื่อออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง เกิดพายุลมแรงสายฟ้าแลบแปลบ เอี๋ยนหุยคิดว่าต้องเกิดพายุลมฝนเป็นแน่ จึงเร่งฝีเท้าเพื่อจะเข้าไปอาศัยอยู่ไต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ก็ฉุกคิดถึงคำกำชับของท่านอาจารย์ที่ว่า อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้งเราเองก็ติดตามท่านอาจารย์มาเป็นเวลานาน ลองเชื่ออาจารย์ดูอีกสักครั้ง คิดได้ดังนั้น จึงเดินออกจากต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่เอี๋ยนหุยเดินไปได้ไม่ไกลนัก บัดดล สายฟ้าก็ผ่าต้นไม้ใหญ่นั้นล้มลงมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา เอี๋ยนหุยตะลึงพรึงเพริด คำกล่าวของพระอาจารย์ประโยคแรกเป็นจริงแล้ว หรือตัวเราจะฆ่าใครโดยไม่รู้สาเหตุ?เอี๋ยนหุยจึงรีบเดินทางกลับ กว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว แต่ไม่กล้าปลุกคนในบ้าน เลยใช้ดาบที่นำติดตัวมาค่อยๆเดาะดาลประตูห้องของภรรยา เมื่อเอี๋ยนหุยคลำไปที่เตียงนอน ก็ต้องตกใจ ทำไมมีคนนอนอยู่บนเตียงสองคน!
เอี๋ยนหุยโมโหเป็นอย่างยิ่ง จึงหยิบดาบขึ้นมาหมายปลิดชีพผู้ที่นอนอยู่บนเตียงเสียงกำชับของอาจารย์ก็ดังขึ้นมาอย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้งเมื่อเขาจุดตะเกียง จึงได้เห็นว่า คนหนึ่งคือภรรยา อีกคนหนึ่งคือน้องสาวของเขาเอง พอฟ้าสาง เอี๋ยนหุยก็รีบกลับสำนัก เมื่อพบหน้าขงจื้อจึงรีบคุกเข่ากราบอาจารย์และกล่าวว่า ท่านอาจารย์ คำกำชับของท่านได้ช่วยชีวิตของศิษย์ ภรรยาและน้องสาวไว้ ทำไมท่านจึงรู้เหมือนตาเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์บ้าง?”ขงจื้อพยุงเอี๋ยนหุยให้ลุกขึ้น และกล่าวว่า เมื่อวานอากาศไม่ค่อยสู้ดีนัก น่าจะมีฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นแน่ จึงเตือนเธอว่า อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่
และเมื่อวาน เธอจากไปด้วยโทสะ แถมยังพกดาบติดตัวไปด้วย
อาจารย์จึ้งเตือนเธอว่า อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้งเอี๋ยนหุยโค้งคำนับ ท่านอาจารย์คาดการดังเทวดา ศิษย์รู้สึกเคารพเลื่อมใสท่านเหลือเกินขงจื้อจึงตักเดือนเอี๋ยนหุยว่าอาจารย์ว่าที่เธอขอลากลับบ้านนั้นเป็นการโกหก ที่จริงแล้วเธอคิดว่าอาจารย์แก่แล้ว ความคิดเลอะเลือน
ไม่อยากศึกษากับอาจารย์อีกแล้ว เธอลองคิดดูสิ อาจารย์บอกว่า 3x8ได้ 23 เธอแพ้ ก็เพียงแค่ถอดหมวก
หากอาจารย์บอกว่า 3x8ได้ 24 เขาแพ้ นั่นหมายถึงชีวิตของคนๆหนึ่ง เธอคิดว่าหมวกหรือชีวิตสำคัญล่ะ? ” เอี๋ยนหุยกระจ่างในฉับพลัน คุกเข่าต่อหน้าขงจื้อ แล้วกล่าวว่าท่านอาจารย์เห็นคุณธรรมเป็นสำคัญ โดยไม่เห็นแก่เรื่องถูกผิดเล็กๆน้อยๆ ศิษย์คิดว่าอาจารย์แก่ชราจึงเลอะเลือน ศิษย์เสียใจเป็นที่สุดจากนั้นเป็นต้นไป ไม่ว่าขงจื้อจะเดินทางไปยังแห่งหนตำบลใด เอี๋ยนหุยติดตามไม่เคยห่างกาย จากตำนานเรื่องเล่านี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเพลงๆหนึ่งของอิวเค่อหลี่หลิน(นักร้องดูโอของไต้หวัน) ที่ร้องว่า หากสูญเสียเธอไป ต่อให้เอาชนะทั้งโลกได้แล้วจะยังไง? เช่นกัน
บางครั้งคุณอาจเอาชนะคนอื่นด้วยเหตุผลของคุณ แต่อาจจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไป เรื่องราวต่างๆ แบ่งเป็นหนักเบเบารีบช้า อย่าเป็นเพราะต้องการเอาชนะให้ได้ แล้วทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต
เรื่องราวมากมายที่ไม่ควรทะเลาะกัน ถอยหนึ่งก้าวทะเลกว้างฟ้างาม
ทะเลาะกับลูกค้า ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณก็จะรู้สึก)
ทะเลาะกับเถ้าแก่ ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ตรวจผลงานปลายปีมาถึง คุณก็จะรู้สึก)
ทะเลาะกับภรรยา ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เธอไม่สนใจคุณ คุณก็หากับข้าวกินเองละกัน)
ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เคลียร์ไม่ได้ คุณอาจจะเสียเพื่อนไปเลย)

ใบชา เกิดสีสวยและกลิ่นหอมน่าลิ้มลองได้ ก็เพราะโดนน้ำร้อนลวก ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน เพราะเผชิญกับอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า จึงเหลือไว้ซึ่งเรื่องราวเป็นตำนานให้ได้เล่าขานน่าตามติด ผู้ที่รู้สำนึกคุณอยู่เสมอ จึงเป็นผู้มีวาสนามากที่สุด
ถ้าชอบหมวกสานก็ www.siamhat.com